This course was created with the
course builder. Create your online course today.
Start now
Create your course
with
Autoplay
Autocomplete
Previous Lesson
Complete and Continue
GL305T ปฏิปทามหาปูชนียาจารย์
Introduction
ปฐมนิเทศก่อนเรียน จากครูไม่ใหญ่ (6:03)
เพลงประจำมหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยธรรมกาย แคลิฟอร์เนีย (DOU) (3:43)
แนะนำวิชา (5:26)
รายละเอียดวิชา
หนังสือวิชาปฏิปทามหาปูชนียาจารย์
แบบฝึกปฏิบัติ GL305 (30 คะแนน)
บทที่ 1. ชีวประวัติพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
นำนั่งสมาธิประกอบดนตรีก่อนเรียน 6 นาที
เพลง ร่มธรรม (6:45)
แบบประเมินความรู้ก่อนเรียนที่ 1
ศรัทธาใหม่กับคำทำนายของนอสตราดามุส โดย ศ.เจริญ วรรธนะสิน (7:43)
รหัส(ไม่)ลับ นอสตราดามุส โดย ครูจู๊ด (19:21)
1.1.ชีวประวัติพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
เพลงเรือ พระผู้ปราบมาร (4:11)
ประวัติหลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญ พระผู้ปราบมาร ตอนที่ 1 (10:23)
เส้นทางมหาปูชนียาจารย์ ตอนที่ 2 เบื้องลึกกว่าจะเป็นเส้นทางมหาปูชนียาจารย์ พระผู้ปราบมาร โดยอ.ลือพงศ์ ลีลพนัง และอ.วันชัย ภัทรโกมล (59:14)
1.1 สรุป ตอน ชีวิตในปฐมวัย โดยอ. ลือพงศ์ ลีลพนัง (14:11)
เพลงเรือพระผู้ปราบมาร ตอนที่ 2 (4:44)
1.2. ออกบวช
ประวัติหลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญ พระผู้ปราบมาร ตอนที่ 2 (11:07)
เส้นทางมหาปูชนียาจารย์ ตอนที่ 1.ตั้งมโนปณิธานบวชตลอดชีวิต โดยอ.ลือพงศ์ ลีลพนัง และอ.วันชัย ภัทรโกมล (46:44)
1.2 สรุป ตอน ออกบวช-ศึกษาธรรม โดยอ. ลือพงศ์ ลีลพนัง (14:11)
กิจกรรมที่ 1
แบบประเมินความรู้หลังเรียนที่ 1
บทที่ 2. การศึกษา เป็นเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ และการปกครอง
เพลง ร่มธรรม บูชาธรรมพระมงคลเทพมุนี (2:01)
ประเมินความรู้ก่อนเรียนบทที่ 2
การเดินทางพิสูจน์ชีวิตหลังความตาย (10:41)
2.1 การศึกษาด้านปฏิบัติ (วิปัสนาธุระ)
เส้นทางมหาปูชนียาจารย์ ตอนที่ 3. ชัยชนะครั้งที่ 2 สมหวังดั่งที่ตั้งใจ โดยอ.ลือพงศ์ ลีลพนัง และอ.วันชัย ภัทรโกมล (61:52)
2.1 การบรรลุธรรม
เส้นทางมหาปูชนียาจารย์ ตอนที่ 4 ภพสามสั่นสะเทือน โดยอ.ลือพงศ์ ลีลพนัง และอ.วันชัย ภัทรโกมล (65:51)
เส้นทางมหาปูชนียาจารย์ ตอนที่ 5 ระฆังธรรม ย่ำครั้งแรก โดยอ.ลือพงศ์ ลีลพนัง และอ.วันชัย ภัทรโกมล (59:23)
2.1 สรุป ตอน เหตุการณ์บรรลุธรรมและเผยแผ่ธรรมะ โดยอ. ลือพงศ์ ลีลพนัง (17:23)
2.2. เป็นเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ และการปกครอง
เส้นทางมหาปูชนียาจารย์ ตอนที่ 6 วันเผด็จศึก Endgame โดยอ.ลือพงศ์ ลีลพนัง และอ.วันชัย ภัทรโกมล (71:56)
มะยาวดอง น้ำข้าว เต้าหู้ยี้-พระวิสุทธิวงศาจารย์ 1 (7:15)
ปริยัติ,สมัยเณรเรียนบาลีขอพร-พระวิสุทธิวงศาจารย์ 2 (6:07)
สมเด็จป๋า,สร้างกุฏิ,เทศน์ในวัง-พระวิสุทธิวงศาจารย์ 3 (6:25)
2.2 ตามรอยมหาปูชนียาจารย์ ตอน เป็นเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ โดยอ. ลือพงศ์ ลีลพนัง (13:39)
กิจกรรมที่ 2
ประเมินความรู้หลังเรียนนบทที่ 2
บทที่ 3 ผลงาน อุปสรรคและการต่อสู้
ประเมินความรู้ก่อนเรียนบทที่ 3
3.1 ผลงานและคุณูปการต่อพระพุทธศาสนา
เล่าประวัติหลวงปู่วัดปากน้ำ-พระเมธีรัตโนดม เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี 1 (7:48)
ข้าวหมด ไม่อด เต้าหู้ยี้-พระเมธีรัตโนดม เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี2 (4:20)
คุณยายใส่บาตร-พระเมธีรัตโนดม จ. ลพบุรี 3 (6:05)
รูปเหมือนแก้โรค-พระเมธีรัตโนดม จ. ลพบุรี (4:17)
3.2 อุปสรรคและการต่อสู้ของหลวงปู่
ผักดองเต้าหู้ยี้,หนังอินเดีย-พระครูสมุทรกวี 1 (8:17)
กิจกรรมที่ 3
ประเมินความรู้หลังเรียนนบทที่ 3
บทที่ 4 วัตรปฏิบัติและปฏิปทา
เพลง สายบุญเชื่อมใจ _ ทำนองเพลง _ สายแนนหัวใจ - ก้อง ห้วยไร่ (เพลงประกอบภาพยนตร์ นาคี2) (3:32)
ประเมินความรู้ก่อนเรียนบทที่ 4
ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย (10:33)
เกร็ดประวัติพระมงคลเทพมุนี ตอนที่ 1 โดยหลวงพ่อธัมมชโย (37:36)
เกร็ดประวัติพระมงคลเทพมุนี ตอนที่ 2 โดยหลวงพ่อธัมมชโย (39:42)
4.1 วัตรปฏิบัติประจำของหลวงปู่
วิญญาณแม่,ทำพระ,เวียนเทียน-พระครูสมุทรกวี 2 (9:24)
คุณธรรมหลวงปู่ -พระเมธีรัตโนดม เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี ตอน 6 (6:35)
นั่งในโบสถ์, สามัคคี-พระเมธีรัตโนดม เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี ตอน 7 (7:28)
วิชชาธรรมกาย และการทำวิชชา (23:02)
4.2 วัตรปฏิบัติด้านการประพฤติธรรม
สอนสมาธิ,แก้โรค,ไปนรกสวรรค์-พระครูสมุทรกวี 4 (6:36)
คุณธรรมหลวงปู่-ลุงฉลอม มีแก้วน้อย ผู้เป็นหลานและอุปัฏฐากของหลวงปู่ (38:57)
ทั่วทั้งธาตุธรรม...ไม่มีใครรู้ (3:11) (3:11)
กิจกรรมที่ 4.1
บทที่ 4 วัตรปฏิบัติและปฏิปทา
4.3 ปฏิปทาและผู้สืบทอดวิชาธรรมกาย
ปฏิบัติพระต้นธาตุได้ขึ้นสวรรค์ ผู้สือทอดวิชาธรรมกายอยู่สิงห์บุรีมีบารมีมาก-ปู่ผง มีแก้วน้อย ผู้เป็นน้องชายและอุปัฎฐากของหลวงปู่ (3:32)
มโนปนิธานของหลวงปู่และผู้สืบทอดวิชาธรรมกาย-น้าองุ่น สุขเจริญ หลานหลวงปู่ (15:29)
ผู้สืบทอดวิชชาธรรมกาย-อดีตสามเณรจุลนี
ผู้สืบทอดวิชชาธรรมกาย -น้าองุ่น สุขเจริญ หลานหลวงปู่ 28 ก.ย.2547 (13:56)
CaseStudy หลวงปู่วัดปากน้ำฯ 01 องุ่น สุขเจริญ, ยิ่งมองยิ่งงาม (97:58)
กิจกรรมที่ 4.2
ประเมินความรู้หลังเรียนนบทที่ 4
บทที่ 5 พระธรรมเทศนาพระมงคลเทพมุนี
เพลง เป็นเช่นดังข้าวสาร (เพลงบูชาธรรมพระมงคลเทพมุนี) (3:46)
บทที่ 5 พระธรรมเทศนาพระมงคลเทพมุนี
1) นำนั่งสมาธิ ฉบับสมบูรณ์-พระมงคลเทพมุนี สด จนฺทสโร (44:53)
พระธรรมเทศนาพระมงคลเทพมุนี
8) บทสวดสรรเสริญพระมงคลเทพมุนี (5:19)
กิจกรรมที่ 5
บทที่ 6 อานุภาพพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
บทที่ 6 อานุภาพพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
เส้นทางมหาปูชนียาจารย์ ตอนที่ 7 ปราบมาร วัดสุวรรณาราม โดยอ.ลือพงศ์ ลีลพนัง และอ.วันชัย ภัทรโกมล (58:51)
เส้นทางมหาปูชนียาจารย์ ตอนที่ 8 พยาบาท โดยอ.ลือพงศ์ ลีลพนัง และอ.วันชัย ภัทรโกมล (58:48)
เส้นทางมหาปูชนียาจารย์ ตอนที่ 9 อานุภาพไม่มีประมาณ โดยอ.ลือพงศ์ ลีลพนัง และอ.วันชัย ภัทรโกมล (65:26)
เส้นทางมหาปูชนียาจารย์ ตอนที่ 10 อานุภาพไม่มีประมาณ 2 โดยอ.ลือพงศ์ ลีลพนัง และอ.วันชัย ภัทรโกมล (66:04)
กิจกรรมที่ 6
ภาคที่ 1 ประวัติคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาทองสุข สำแดงปั้น
ภาคที่ 1 ประวัติคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาทองสุข สำแดงปั้น
อานุภาพหลวงปู่และวัดเอย...วัดพระธรรมกาย 31 ม.ค.64 โดย อ.ลือพงศ์ และ อ.วันชัย (68:33)
ภาคที่ 2 ประวัติคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ผู้สืบสานวิชชาธรรมกาย
ภาคที่ 2 ประวัติคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ผู้สืบสานวิชชาธรรมกาย
เจาะเวลา 5 ทศวรรษ 26 ก.พ.64 โดย อ.ลือพงศ์ และ อ.วันชัย (62:24)
บทที่ 7 เส้นทางมหาปูชนียาจารย์
เพลงเส้นทางมหาปูชนียาจารย์ (7:06)
เส้นทางมหาปูชนียาจารย์ ตอนที่ 11 คุณวิเศษของมหาปูชนียาจารย์ โดยอ.ลือพงศ์ ลีลพนัง และอ.วันชัย ภัทรโกมล (59:42)
อนุสรณ์สถานเส้นทางมหาปูชนียาจารย์ 7 แห่ง (1:47)
ตามรอยหลวงปู่ทองคำ ตอนที่ 1-2 โดย อ.ลือพงศ์ และอ.วันชัย (117:03)
ข้อคิด เกี่ยวกับมหาปูชนียาจารย์ ตอนที่1-4 โดยหลวงพ่อธัมมชัยโย (68:17)
ความสำคัญของวันครูวิชชาธรรมกาย โดยหลวงพ่อธัมมชัยโย (15:33)
โอวาทวันมหาปูชนียาจารย์ 2256 โดยหลวงพ่อธัมมชัยโย (5:15)
กิจกรรมพิเศษ ตามรอยมหาปูชนียาจารย์
1.2. ออกบวช
ออกบวช
ปฏิญาณบวชตลอดชีวิต
เมื่อผ่านเหตุการณ์ตามจับคนร้ายในครั้งนั้นแล้ว ท่านใช้ชีวิตอยู่กับการค้าข้าวเลี้ยงโยมแม่และ ครอบครัวเรื่อยมา จนกระทั่งอายุย่างเข้า 19 ปี ได้เกิดเหตุการณ์สำคัญในชีวิต ซึ่งเป็นจุดหักเหให้ท่านเลือกเส้นทางเดินชีวิตที่ต่างจากคนทั่วไป
วันหนึ่งหลังจากค้าข้าวเสร็จ ท่านและลูกน้องได้นำเรือเปล่ากลับบ้าน ในคืนนั้นล่องเรือไปด้วยความยากลำบาก เพราะน้ำในคลองไหลเชี่ยว แต่ก็พยายามถ่อเรือต่อไป จนมาถึงคลองเล็กๆสายหนึ่ง ซึ่งเป็นเส้นทางลัด ชาวบ้านเรียกคลองนี้ว่า "คลองบางอีแท่น" อยู่เหนือตลาดใหม่ แม่น้ำนครไชยศรี จังหวัดนครปฐม คลองนี้เป็นคลองเปลี่ยว และมีโจรผู้ร้ายชุกชุมในขณะนั้นมีเรือเพียงลำเดียวเท่านั้นที่แล่นเข้าไปในคลอง เมื่อเรือแล่นเข้าไปได้เล็กน้อย ท่านก็กลัวว่าจะโดนโจรปล้นและทำร้าย ถ้าโจรปล้นจริงๆ ท่านจะโดนทำร้ายก่อน เพราะยืนอยู่ทางท้ายเรือจึงเกิดความคิดขึ้นว่า "อ้ายน้ำก็เชี่ยว อ้ายคลองก็เล็ก อ้ายโจรก็ร้าย ท้ายเรือเข้าก็ไล่เลี่ยกับฝัง ไม่ต่ำไม่สูงกว่ากันเท่าไรนัก น่าหวาดเสียวอันตราย เมื่อโจรมาก็ต้องยิง หรือทำร้ายคนท้ายก่อน ถ้าเขาทำเราเสียได้ก่อน ก็ไม่มีทางที่จะสู้เขา ถ้าเราเอาอาวุธปืนแปดนัดไว้ทางหัวเรือ แล้วเราไปถือเรือทางลูกจ้างเสีย เมื่อโจรมาทำร้าย เราก็จะมีทางสู้ได้บ้าง" เมื่อคิดดังนั้นแล้ว จึงหยิบปืนยาวบรรจุกระสุน 8 นัดไปอยู่หัวเรือ ขณะถ่อเรือแทนลูกจ้างอยู่นั้น พลันเกิดความคิดขึ้นมาว่า "คนพวกนี้ เราจ้างเขาคนหนึ่งๆ เพียง11 - 12 บาทเท่านั้นส่วนตัวเราเป็นเจ้าของทั้งทรัพย์ทั้งเรือ หากจะโยนความตายไปให้ลูกจ้างก่อน ก็ดูจะเอาเปรียบเพื่อนมนุษย์มากเกินไป ทำอย่างนี้ไม่ถูกไม่ควร"เมื่อเกิดจิตเมตตาและนึกตำหนิตัวเองเช่นนี้ ท่านจึงตัดสินใจเด็ดขาดลงไปว่า "ทรัพย์ก็ของเราเรือก็ของเรา เราควรตายก่อนดีกว่าส่วนลูกจ้างนั้น เมื่อมีภัยมาถึง เขาควรจะได้หนีเอาตัวรอด ไปทำมาหาเลี้ยงบุตรภรรยาของเขาได้อีก" เมื่อตกลงใจเช่นนั้น จึงเรียกลูกเรือให้มาถ่อเรือแทนส่วนตัวเองก็ถือปนคู่มือกลับมานั่งถือท้ายเรือตามเดิมเรือยังคงแล่นต่อไปเรื่อยๆ แต่ไม่เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงอย่างที่คิด เมื่อเรือแล่นมาใกล้จะออกจากคลอง จนเห็นปากทางออก ก็รู้ได้ว่าปลอดภัยแล้ว แต่ในใจของท่านยังคิดถึงความตายอยู่ตลอดเวลาและทันใดนั้น ธรรมสังเวชก็เกิดขึ้นในใจของท่านว่า "การหาเงินหาทองนี้ลำบากจริงๆ เจียวหนา บิดาของเราก็หามาดังนี้ เราก็หาซ้ำรอยบิดา ตามบิดาบ้าง เงินแลทองที่หากันทั้งหมดด้วยกันนี้ ต่างคนก็ต่างหา ไม่มีเวลาหยุดด้วยกันทั้งนั้น ถ้าใครไม่เร่งรีบหาให้มั่งมี ก็เป็นคนต่ำและเลว ไม่มีใครนับถือแลคบหา เข้าหมู่เขาก็อายเขา เพราะเป็นคนจนกว่าเขา ไม่เทียมหน้าเทียมบ่าเทียมไหล่กับเขา ปุรพชนต้น กุลของเราก็ทำมาดังนี้ เหมือนๆ กันจนถึงบิดาของเรา แลตัวของเรา ก็บัดนี้ปุรพชนแลบิดาของเราไปทางไหนหมด ก็ปรากฏแก่ใจว่าตายหมดแล้ว แล้วตัวของเราเล่า ก็ต้องตายเหมือนกัน"เมื่อคิดถึงความตายขึ้นมาอย่างนี้ก็เริ่มกลัว และนึกถึงความตายที่จะมาถึงตัวเองต่อไปอีกว่า"เราต้องตายแน่ๆ บิดาเราก็มาล่องข้าว ขึ้นจากเรือข้าวก็เจ็บมาจากตามทางแล้ว ขึ้นจากเรือข้าวไม่ได้กี่วันก็ถึงแก่กรรม เมื่อถึงแก่กรรมแล้ว เราที่ช่วยพยาบาลอยู่ ไม่ได้เห็นเลยที่จะเอาอะไรติดตัวไปผ้าที่นุ่งแลร่างกายของแก เราก็ดูแลอยู่ ไม่เห็นมีอะไรหายไป ทั้งตัวเราแลพี่น้องของเราที่เนื่องด้วยแก ตลอดถึงมารดาของเราก็อยู่ ไม่เห็นมีอะไรเลยที่ไปด้วยแก แกไปผู้เดียวแท้ๆ ก็ตัวเราเล่าต้องเป็นดังนี้ เคลื่อนความเป็นอย่างนี้ไปไม่ได้แน่"เมื่อท่านคิดอย่างนี้แล้ว ท่านก็นอนแผ่ลงไปที่ท้ายเรือ แกล้งทำเป็นตาย ลองดูว่าถ้าตายแล้วจะเป็นอย่างไร ท่านก็นอนคิดว่าตัวเองตายอย่างนั้นจนเผลอ สติไปสักครู่หนึ่ง เมื่อได้ สติรู้สึกตัวก็รีบลุกขึ้น จุดธูปอธิษฐานจิตว่า "ขออย่าให้เราตายเสียก่อน ขอให้ได้บวชเสียก่อนเถิด ถ้าบวชแล้วไม่สึกตลอดชีวิต"
บวชแล้วขวนขวายศึกษาธรรมะ
นับจากวันนั้น คำอธิษฐานยังคงฝังแน่นอยู่ในใจของหลวงปู่ตลอดมา ความคิดที่จะบวชตลอดชีวิตยังชัดเจนอยู่ในใจ แต่ด้วยภาระที่ต้องเลี้ยงโยมแม่ ทำให้ยังไม่สามารถบวชได้ ด้วยเหตุนี้ท่านจึงตั้งใจทำมาหากิน และขยันเก็บเงินเก็บทองจนมีเงินเก็บได้มากพอสมควร ที่ทำให้โยมแม่และพี่น้อง มีเงินทองใช้จ่ายอย่างสะดวก สบายไม่ลำบากในอนาคต เมื่อหมดภาระเรื่องเงินทองแล้ว จึงตัดสินใจบวชทันทีในขณะนั้นอายุย่าง 22 ปี พอถึงเดือน 8 ข้างขึ้น หลังจากขนข้าวลงเรือจนเต็มลำแล้ว ก็ให้ลูกน้องนำข้าวไปขายให้โรง สีในกรุงเทพฯส่วนตัวท่านก็เข้าวัดเป็นนาค เพื่อเตรียมตัวบวชที่วัด โดยมีพระปลัดยังเจ้าอาวาสวัด สองพี่น้องในขณะนั้น เป็นผู้ สอนท่องคำขออุปสมบท ซักซ้อมพิธีอุปสมบทและ สอนพระวินัยให้เมื่อถึงต้นเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2449 ท่านได้อุปสมบท ณ วัดสองพี่น้อง อำเภอ สองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ได้รับฉายาว่า จนฺท โร โดยมีพระอาจารย์ดี วัดประตูสาร อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรีเป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูวินยานุโยค (เหนี่ยง อินทโชโต) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์โหน่งอินทสุวัณโณ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ด้วยความที่ท่านเป็นผู้มีความทรงจำดี จึงสามารถท่องบทสวดมนต์และพระปาฏิโมกข์ได้หมดสำหรับการศึกษาในช่วงพรรษาแรก หลวงปู่ได้เรียนคันถธุระและวิปัสนาธุระควบคู่กันไป เมื่อเรียนด้านคันถธุระไปได้ระยะหนึ่ง หลวงปู่ก็ สงสัยว่า คำว่า "อวิชฺชาปจฺจยา" แปลว่าอะไร ด้วยความ สงสัยที่ผุดขึ้นมาในใจเหมือนกับปริศนาที่ต้องตอบให้ได้ ท่านมีความรู้สึกว่า คำๆ นี้มีความสำคัญต่อตัวท่าน จึงไปถามพระภิกษุ ที่อยู่ในวัด เมื่อถามใครก็ไม่มีใครรู้คำแปล มีพระรูปหนึ่งบอกว่า "เขาไม่แปลกันหรอกคุณ อยากรู้ก็ต้องไปเรียนที่บางกอก (กรุงเทพฯ)" เมื่อได้ฟังดังนั้น ทำให้ท่านเกิดแรงบันดาลใจที่จะไปเรียนที่กรุงเทพฯ เพราะต้องการจะรู้คำแปลให้ได้
เมื่อบวชได้ 7 เดือนเศษ จึงไปหาโยมแม่ และขอไปเรียนที่กรุงเทพฯ แม้ว่าโยมแม่จะไม่เต็มใจให้ไปแต่ก็จำยอม ท่านจึงขอปัจจัย 1 ชั่ง เพื่อเป็นค่าเดินทาง โดยตั้งใจว่าการขอครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อลาโยมแม่แล้ว จึงเดินทางมาจำพรรษาที่วัดพระเชตุพนฯ กรุงเทพฯ เพื่อศึกษาเล่าเรียน และได้พาน้องชายคนเล็ก มาอยู่ด้วย โดยให้มาอุปัฏฐากและให้เรียนมูลกัจจายน์ (คัมภีร์บาลีไวยากรณ์) ไปด้วยช่วงที่มาถึงวัดพระเชตุพนฯ ใหม่ๆ ในขณะนั้นท่านยังไม่มีหนังสือ ที่จะใช้เรียน จึงให้โยมพี่สาวซื้อถวายขณะเรียนหนังสืออยู่ที่วัดพระเชตุพนฯ หลวงปู่ลำบากในเรื่องอาหารบิณฑบาตมาก บางวันบิณฑบาตได้ไม่พอฉัน บางวันได้เพียง ส้มผลเดียว บางวันไม่ได้เลย มีอยู่วันหนึ่ง หลวงปู่ออกบิณฑบาตไม่ได้อะไรเลยวันต่อมาก็ไม่ได้อีก ท่านคิดว่า "เราเป็นผู้มีศีล จะอดตายหรือ ถ้าเป็นจริง ก็ยอมตาย บิณฑบาตไม่ได้ข้าว ก็ไม่ฉันของอื่น ยอมอด เพราะคิดว่า ถ้าเราตายลงไป ภิกษุหมดทั้งนคร ต้องมีอาหารบิณฑบาตพอหมดทุกๆ รูป เพราะคนลือ ก็จะพากัน สงสารพระภิกษุไปตามๆ กัน" จึงไม่ยอมดิ้นรนแสวงหาอาหารด้วยวิธีการอื่น
ในวันที่สาม ท่านออกบิณฑบาตอยู่จนสาย ได้ข้าวเพียง 1 ทัพพี กับกล้วยน้ำว้า 1 ผล เมื่อกลับมาถึงกุฏิ ท่านรู้สึกอ่อนเพลียมาก เพราะไม่ได้ฉันมา 2 วันแล้ว หลังจากพิจารณาปัจจเวกขณ์เสร็จแล้วจึงเริ่มฉัน เมื่อฉันเข้าไปได้หนึ่งคำ ก็เหลือบไปเห็นสุนัขตัวผอมเดินโซเซมา เพราะอดอาหารมาหลายวันแม้ท่านกำลังหิวจัด เพราะอดอาหารมาหลายวัน ก็ยังมีความเมตตา สงสารสุนัขตัวนั้น จึงปันข้าวที่เหลืออีกคำหนึ่งกับกล้วยอีกครึ่งผลให้สุนัขตัวนั้น พร้อมทั้งอธิษฐานจิตว่า "ขึ้นชื่อว่าความอดอยากเช่นนี้ ขออย่าให้มีอีกเลย" นับจากวันนั้น ด้วยอำนาจบุญที่ได้สร้างมหาทานบารมีในครั้งนั้น เมื่อไปบิณฑบาตที่ไหน ท่านก็ได้อาหารมากมายจนฉันไม่หมด และยังได้แบ่งถวายให้กับพระภิกษุรูปอื่นๆ ด้วยด้วยใจที่คิดถึงผู้อื่นอยู่เสมอ ประกอบกับความลำบากในเรื่องอาหารขบฉันของหลวงปู่ในครั้งนั้นทำให้ท่านนึกถึงพระภิกษุรูปอื่นๆ กลัวว่าจะมีความลำบากในเรื่องอาหารเช่นเดียวกับท่าน จึงคิดว่า "ถ้าเรามีกำลังพอเมื่อใด จะจัดตั้งโรงครัวประกอบอาหารเลี้ยงพระภิกษุสามเณร โดยไม่ต้องให้ลำบาก เป็นการเสียเวลาในการศึกษาเล่าเรียน"เมื่อบวชได้ 4 พรรษา หลวงปู่และน้องชายจึงย้ายไปอยู่ที่วัดชัยพฤกษ์มาลาชั่วคราว คืนหนึ่งหลวงปู่ฝันว่า มีชายคนหนึ่งเอาทรายมาถวาย 1 ปุ้งกี๋ จึงเอื้อมมือไปหยิบมาหน่อยหนึ่งส่วนน้องชายรับไว้ถึง 2 กำมือ หลังจากนั้นไม่กี่วัน ท่านและน้องชายก็ป่วยเป็นไข้ทรพิษ ท่านมีอาการไม่มากส่วนน้องชายของท่านเป็นหนักมาก เมื่ออาการของท่านทุเลาลง จึงรีบพาน้องชายไปรักษาที่บ้าน สองพี่น้อง แต่อาการก็ไม่ทุเลา ต่อมาก็เสียชีวิต ขณะนั้นน้องชายของท่านอายุเพียง 18 ปี เมื่อจัดการเรื่องศพน้องชายเสร็จแล้วจึงกลับมาอยู่วัดพระเชตุพนฯ ตามเดิม
การศึกษาด้านปริยัติ (คันถธุระ)
หลวงปู่ทุ่มเทให้กับการศึกษาเล่าเรียนอย่างเต็มที่ เนื่องจากท่านมีความเฉลียวฉลาด มีความจำดีจึงสามารถเรียนมูลกัจจายน์ได้ถึง 3 จบ เรียนพระธรรมบท 8 ภาค มังคลัตถทีปนี และสารสังคหะ1จนชำนาญ และสามารถ อนผู้อื่นได้
ใน สมัยนั้น นักเรียนแต่ละท่านเรียนไม่เหมือนกัน ใครต้องการเรียนอะไรก็สามารถเลือกเรียนได้ตามความต้องการของตัวเอง นักเรียนบางท่านเรียนธรรมบทเบื้องต้น บางท่านเรียนเบื้องปลายด้วยความรักในการศึกษาของหลวงปู่ เมื่อท่านไปเรียน ท่านจะนำหนังสือเรียนวิชาที่นักเรียนท่านอื่นเรียนอยู่ไปด้วย เพื่อจะได้ฟังในเวลาที่อาจารย์ สอนวิชาอื่นๆ เพราะท่านต้องการมีความรู้มากๆ ดังนั้นหลวงปู่จึงต้องแบกหนังสือไปเรียนครั้งละหลายๆ ผูกจนไหล่ลู่หลวงปู่เดินทางไปเรียนกับพระอาจารย์ตามวัดต่างๆ ด้วยความลำบาก วันหนึ่งต้องเดินทางไปเรียนหลายแห่ง ซึ่งในแต่ละวันมีกิจวัตรดังนี้ ฉันเช้าแล้วข้ามฟากไปเรียนที่วัดอรุณราชวราราม โดยลงเรือที่ท่าประตูนกยูง ไปขึ้นที่ท่าวัดอรุณฯ กลับมาฉันเพลที่วัดพระเชตุพนฯ บ่ายไปเรียนที่วัดมหาธาตุฯ เย็นไปเรียนที่วัดสุทัศน์ฯ บ้าง วัดสามปลื้มบ้าง กลางคืนเรียนที่วัดพระเชตุพนฯ แต่ท่านไม่ได้ไปเรียนต่อเนื่องกัน ทุกวัน มีเว้นบ้าง สลับกันไป
แม้หลวงปู่จะมีความลำบากในเรื่องการเรียนเพียงใดก็ตาม แต่ท่านก็พยายามไม่ขาดเรียน ท่านเรียนด้วยความลำบากอย่างนี้อยู่หลายปี จนมีแม่ค้าชื่อนวม บ้านอยู่ตลาดท่าเตียน เกิดความเลื่อมใสในความเพียรของท่าน ได้ปวารณาเรื่องภัตตาหารกับท่าน จัดอาหารปินโตถวายเพลเป็นประจำทุกวัน ต่อมาหลังจากที่หลวงปู่มาเป็นเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ภาษีเจริญแล้ว ได้ทราบข่าวว่า แม่ค้านวมถึงแก่ทุพพลภาพเพราะความชรา ไม่มีใครดูแล หลวงปู่จึงรับอุปการะโดยนำไปอยู่ที่วัดปากน้ำ เมื่อสิ้นชีวิต ท่านได้จัดการฌาปนกิจให้ ท่านพูดว่า "เป็นมหากุศล เมื่อเราอดอยาก อุบาสิกานวมได้อุปการะเรา ครั้นอุบาสิกา นวมยากจน เราได้ช่วยอุปถัมภ์ ที่สุดต่อที่สุดมาพบกัน จึงเป็นมหากุศลอันยากที่จะหาได้ง่ายๆ"ต่อมาข้าหลวงในวังกรมหมื่นพิชัยมหินทโรดม (วังพระองค์เพ็ญ) เกิดความเลื่อมใสในหลวงปู่ได้จัดภัตตาหารมาถวายทุกวัน ท่านจึงมีกำลังสนับสนุนเรื่องอาหารอย่างเพียงพอ จึงตั้งโรงเรียน สอนบาลีขึ้นที่วัดพระเชตุพนฯ โดยใช้กุฏิของท่านเป็นโรงเรียน โรงเรียนนี้มีพระภิกษุสามเณรมาเรียน 10 กว่ารูป( สมัยนั้นโรงเรียนในวัดพระเชตุพนฯ มีหลายแห่ง ใครมีความสามารถก็ตั้งได้) โรงเรียนของหลวงปู่
ได้พระมหาปี วสุตตมะ เปรียญธรรม 5 ประโยค เป็นครู สอน ท่านหานิตยภัตถวายเอง และท่านเองก็เรียนในโรงเรียนนี้ด้วย โดยเริ่มเรียนธรรมบทใหม่ เพื่อทบทวนความรู้เดิม ต่อมาการศึกษาทางบาลีเปลี่ยนแปลงไป คณะสงฆ์จัดหลักสูตรการศึกษาใหม่ โดยจัดให้มีการเรียนไวยากรณ์ ทางวัดจึงได้รวมการศึกษาเป็นกลุ่มเดียว โรงเรียนที่ท่านตั้งขึ้นจึงถูกยกเลิกไป
บวชแล้วขวนขวายศึกษาธรรมะ
นับจากวันนั้น คำอธิษฐานยังคงฝังแน่นอยู่ในใจของหลวงปู่ตลอดมา ความคิดที่จะบวชตลอดชีวิตยังชัดเจนอยู่ในใจ แต่ด้วยภาระที่ต้องเลี้ยงโยมแม่ ทำให้ยังไม่สามารถบวชได้ ด้วยเหตุนี้ท่านจึงตั้งใจทำมาหากิน และขยันเก็บเงินเก็บทองจนมีเงินเก็บได้มากพอสมควร ที่ทำให้โยมแม่และพี่น้อง มีเงินทองใช้จ่ายอย่างสะดวก สบายไม่ลำบากในอนาคต เมื่อหมดภาระเรื่องเงินทองแล้ว จึงตัดสินใจบวชทันทีในขณะนั้นอายุย่าง 22 ปี พอถึงเดือน 8 ข้างขึ้น หลังจากขนข้าวลงเรือจนเต็มลำแล้ว ก็ให้ลูกน้องนำข้าวไปขายให้โรง สีในกรุงเทพฯส่วนตัวท่านก็เข้าวัดเป็นนาค เพื่อเตรียมตัวบวชที่วัด โดยมีพระปลัดยังเจ้าอาวาสวัด สองพี่น้องในขณะนั้น เป็นผู้ สอนท่องคำขออุปสมบท ซักซ้อมพิธีอุปสมบทและ สอนพระวินัยให้เมื่อถึงต้นเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2449
ภาพที่ 9 1.พระอาจารย์ดี วัดประตูสาร 9.2.
พระครูวินยานุโยค (เหนี่ยง อินฺทโชโต) 9.3 พระอาจารย์โหน่ง อินฺทสุวณฺโณ
ท่านได้อุปสมบท ณ วัดสองพี่น้อง อำเภอ สองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ได้รับฉายาว่า จนฺท โร โดยมีพระอาจารย์ดี วัดประตูสาร อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรีเป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูวินยานุโยค (เหนี่ยง อินทโชโต) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์โหน่งอินทสุวัณโณ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ด้วยความที่ท่านเป็นผู้มีความทรงจำดี จึงสามารถท่องบทสวดมนต์และพระปาฏิโมกข์ได้หมดสำหรับการศึกษาในช่วงพรรษาแรก หลวงปู่ได้เรียนคันถธุระและวิปัสนาธุระควบคู่กันไป เมื่อเรียนด้านคันถธุระไปได้ระยะหนึ่ง หลวงปู่ก็ สงสัยว่า คำว่า "อวิชฺชาปจฺจยา" แปลว่าอะไร ด้วยความ สงสัยที่ผุดขึ้นมาในใจเหมือนกับปริศนาที่ต้องตอบให้ได้ ท่านมีความรู้สึกว่า คำๆ นี้มีความสำคัญต่อตัวท่าน จึงไปถามพระภิกษุ ที่อยู่ในวัด เมื่อถามใครก็ไม่มีใครรู้คำแปล มีพระรูปหนึ่งบอกว่า "เขาไม่แปลกันหรอกคุณ อยากรู้ก็ต้องไปเรียนที่บางกอก (กรุงเทพฯ)" เมื่อได้ฟังดังนั้น ทำให้ท่านเกิดแรงบันดาลใจที่จะไปเรียนที่กรุงเทพฯ เพราะต้องการจะรู้คำแปลให้ได้
ภาพที่ 10 อวิชชา
เมื่อบวชได้ 7 เดือนเศษ จึงไปหาโยมแม่ และขอไปเรียนที่กรุงเทพฯ แม้ว่าโยมแม่จะไม่เต็มใจให้ไปแต่ก็จำยอม ท่านจึงขอปัจจัย 1 ชั่ง เพื่อเป็นค่าเดินทาง โดยตั้งใจว่าการขอครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อลาโยมแม่แล้ว จึงเดินทางมาจำพรรษาที่วัดพระเชตุพนฯ กรุงเทพฯ เพื่อศึกษาเล่าเรียน และได้พาน้องชายคนเล็ก มาอยู่ด้วย โดยให้มาอุปัฏฐากและให้เรียนมูลกัจจายน์ (คัมภีร์บาลีไวยากรณ์) ไปด้วยช่วงที่มาถึงวัดพระเชตุพนฯ ใหม่ๆ ในขณะนั้นท่านยังไม่มีหนังสือ ที่จะใช้เรียน จึงให้โยมพี่สาวซื้อถวายขณะเรียนหนังสืออยู่ที่วัดพระเชตุพนฯ หลวงปู่ลำบากในเรื่องอาหารบิณฑบาตมาก บางวันบิณฑบาตได้ไม่พอฉัน บางวันได้เพียง ส้มผลเดียว บางวันไม่ได้เลย มีอยู่วันหนึ่ง หลวงปู่ออกบิณฑบาตไม่ได้อะไรเลยวันต่อมาก็ไม่ได้อีก ท่านคิดว่า "เราเป็นผู้มีศีล จะอดตายหรือ ถ้าเป็นจริง ก็ยอมตาย บิณฑบาตไม่ได้ข้าว ก็ไม่ฉันของอื่น ยอมอด เพราะคิดว่า ถ้าเราตายลงไป ภิกษุหมดทั้งนคร ต้องมีอาหารบิณฑบาตพอหมดทุกๆ รูป เพราะคนลือ ก็จะพากัน สงสารพระภิกษุไปตามๆ กัน" จึงไม่ยอมดิ้นรนแสวงหาอาหารด้วยวิธีการอื่น
ในวันที่สาม ท่านออกบิณฑบาตอยู่จนสาย ได้ข้าวเพียง 1 ทัพพี กับกล้วยน้ำว้า 1 ผล เมื่อกลับมาถึงกุฏิ ท่านรู้สึกอ่อนเพลียมาก เพราะไม่ได้ฉันมา 2 วันแล้ว หลังจากพิจารณาปัจจเวกขณ์เสร็จแล้วจึงเริ่มฉัน เมื่อฉันเข้าไปได้หนึ่งคำ ก็เหลือบไปเห็นสุนัขตัวผอมเดินโซเซมา เพราะอดอาหารมาหลายวันแม้ท่านกำลังหิวจัด เพราะอดอาหารมาหลายวัน ก็ยังมีความเมตตา สงสารสุนัขตัวนั้น จึงปันข้าวที่เหลืออีกคำหนึ่งกับกล้วยอีกครึ่งผลให้สุนัขตัวนั้น พร้อมทั้งอธิษฐานจิตว่า "ขึ้นชื่อว่าความอดอยากเช่นนี้ ขออย่าให้มีอีกเลย" นับจากวันนั้น ด้วยอำนาจบุญที่ได้สร้างมหาทานบารมีในครั้งนั้น เมื่อไปบิณฑบาตที่ไหน ท่านก็ได้อาหารมากมายจนฉันไม่หมด และยังได้แบ่งถวายให้กับพระภิกษุรูปอื่นๆ ด้วยด้วยใจที่คิดถึงผู้อื่นอยู่เสมอ ประกอบกับความลำบากในเรื่องอาหารขบฉันของหลวงปู่ในครั้งนั้นทำให้ท่านนึกถึงพระภิกษุรูปอื่นๆ กลัวว่าจะมีความลำบากในเรื่องอาหารเช่นเดียวกับท่าน จึงคิดว่า "ถ้าเรามีกำลังพอเมื่อใด จะจัดตั้งโรงครัวประกอบอาหารเลี้ยงพระภิกษุสามเณร โดยไม่ต้องให้ลำบาก เป็นการเสียเวลาในการศึกษาเล่าเรียน"เมื่อบวชได้ 4 พรรษา หลวงปู่และน้องชายจึงย้ายไปอยู่ที่วัดชัยพฤกษ์มาลาชั่วคราว คืนหนึ่งหลวงปู่ฝันว่า มีชายคนหนึ่งเอาทรายมาถวาย 1 ปุ้งกี๋ จึงเอื้อมมือไปหยิบมาหน่อยหนึ่งส่วนน้องชายรับไว้ถึง 2 กำมือ หลังจากนั้นไม่กี่วัน ท่านและน้องชายก็ป่วยเป็นไข้ทรพิษ ท่านมีอาการไม่มากส่วนน้องชายของท่านเป็นหนักมาก เมื่ออาการของท่านทุเลาลง จึงรีบพาน้องชายไปรักษาที่บ้าน สองพี่น้อง แต่อาการก็ไม่ทุเลา ต่อมาก็เสียชีวิต ขณะนั้นน้องชายของท่านอายุเพียง 18 ปี เมื่อจัดการเรื่องศพน้องชายเสร็จแล้วจึงกลับมาอยู่วัดพระเชตุพนฯ ตามเดิม
Complete and Continue